Skip to main content

  • บาววาว เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ 9 ธันวาคม 2548
  • ในปีเดียวกันนี้  เราสิ้นสุดการทำงาน Office ที่รักจะทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปี อย่างถาวร เพื่อเริ่มต้นงานใหม่ที่ทำเพราะรัก
  • บาววาว เกิดขึ้นจากความคิด คิด คิดว่ามันจะเป็นรูปแบบอย่างไร ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ในร้านต้องเป็นอย่างไร แล้วถึงเรียกวิศวกร-สถาปนิก มาคุย ในที่สุด บาววาว ก็คลอดออกมาอย่างที่เห็น ๆ กัน เรียบ ๆ ง่าย ๆ อย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น ผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็แก้ไขภายหลัง
  • คนรักหมาและเข้าใจหมา ที่อยู่ในหัวใจตลอดมาคือ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
  • เราสร้าง บาววาว ท่ามกลางเสียงคัดค้านของเพื่อนฝูงที่รักและหวังดี ด้วยความเป็นห่วงว่าเราจะไปไม่รอด  แต่เราไม่เคยลังเลเลย เราพลิกพื้นดินด้วยกำลังสนับสนุนจากคุณสันติพันธุ์ (เราเรียกว่า”นาย”ทุกครั้ง), อั๋น (สามี)และพี่สาวอีก 2 คน
  • เปิดร้านวันแรกเราขายของได้ 2,000 กว่าบาท และในเดือนที่เปิดร้าน บางวันเราขายของได้ 165 บาท (จำได้ไม่เคยลืม) พนักงานในร้านเก็บลังกระดาษขายได้ 400 กว่าบาท วันนั้นกลับบ้านร้องไห้ หรือเราจะไม่รอดดังเสียงคัดค้านของผองเพื่อนที่รักของเรา
  • แต่..เราเริ่มได้บทเรียน ค้าขายมีขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างต้องใช้เวลาและความอดทน  วันที่ดีที่สุดในเดือนนั้น  เราขายของได้ 5,000 บาท เก็บความดีใจไม่ไหว ต้องโทรไปหา “นาย” ให้ช่วยดีใจกับเราด้วย
  • เมื่อ บาววาว เริ่มให้บริการเต็มรูปแบบ ปัญหาต่าง ๆ ก็พุ่งเข้าหาเราเต็มรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากลูกค้า จากน้องหมา จากพนักงาน แม้กระทั่งจากตัวเราเอง  บางวันตื่นเช้ามาก็คิดเสียแล้วว่าวันนี้เราจะเจอกับปัญหาอะไรอีกนะ เครียดมากค่ะ
  • วันที่ 13 เมษายน 2549 เป็นวันที่คนฝากน้องหมาเต็มโรงแรม วันนี้ “โอเลี้ยง” ร๊อตไวเล่อร์แสนรักได้จากเราไปเพราะมะเร็งตับ เราฝัง “โอเลี้ยง” ท่ามกลางลูกค้าของเราที่มาช่วยปลอบใจเรา รุ่งขึ้นมีลูกค้าชื่อพี่อร นำ ร๊อตไวเล่อร์ ตัวเมีย อายุ 6 เดือนมาเข้าฝึก ชื่อ “โอเลี้ยง”
  • สาบานได้ว่าไม่เคยไปใช้บริการที่อื่น ๆ ตั้งแต่ก่อนเปิด บาววาว  ดังนั้น บาววาว จึงมีลักษณะที่เฉพาะตัว (จริง ๆ แล้ว ย้อนไป 7 ปี ร้านที่มีครบทุกอย่างแบบนี้ ก็มีไม่กี่ที่) ต้องขอบคุณลูกค้าที่คอยบอกเราว่าเราควรจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ จนกลายมาเป็นมาตรฐานของ บาววาว ทุกวันนี้  มาตรฐานที่เราภูมิใจจริงๆ
  • เรื่องน่าอาย เราเขียนเช็คจ่าย “เงินสด” แต่ดันขีดฆ่า “หรือผู้ถือ” ออก ทำให้ supplier เอาเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ ต้องเอาแก้ไขใหม่ อายจริงๆ  มือใหม่ค่ะ
  • ปี 2551 เราเปิดอาคารฝึกสุนัขในร่ม ลูกค้าบอกว่า “ดีใจด้วย ที่สามารถขยายกิจการได้ ไม่น่าเชื่อ”   เราก็สงสัยว่าทำไมลูกค้าถึงต้องพูดว่าไม่น่าเชื่อด้วย เซ็ง
  • ปี 2553 เราก็ขยายอาคารอีก 1 หลัง เป็นโรงแรมสุนัขที่เป็นห้องพัดลมจำนวน 28 ห้อง  อาคารนี้ทาสีเหลืองมะนาว เราจึงเรียกอาคารนี้ว่า โรงมะนาว
  • การคัดเลือกอาหารสุนัขที่จะใช้ในโรงแรมสุนัข เรายังยืนยันว่าจะต้องเป็นอาหารเกรดคุณภาพ หรือที่เรียกกันว่าพรีเมี่ยมเกรด เท่านั้น  แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสุนัขในโรงแรมสูงขึ้น เราก็ยินดี แม้ว่าเจ้าของสุนัขบางคนจะไม่ตระหนักในเรื่องของอาหาร แต่สำหรับเรา นั่นหมายถึงสุขภาพที่ดี และอายุที่ยืนยาวของสุนัขค่ะ
  • “บาววาว เพื่อเพื่อนรัก แสนดีที่หนึ่ง” เชยมากกก  เราจึงเปลี่ยนเมื่อปี 2553 เป็น“รอยยิ้มของสุนัข” วลีนี้ถูกแต่งขึ้นโดยลูกจ้างชาวพม่า ชื่อโอซี
  • ทำไมบาววาวต้องสงวนสิทธิ์รับเฉพาะแต่สุนัขที่ไม่มีเห็บหมัด ทำให้ลูกค้าหลายคนไม่พอใจกับข้อกำหนดนี้  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราคิดหนักเหมือนกัน แต่เราต้องเลือก และเราก็ต้องแลก ใช่ค่ะ เราเลือกลูกค้ากลุ่มที่ดูแลให้สุนัขของเค้าไม่มีเห็บ-หมัด และเราก็แลกกับการที่เราได้ลูกค้ากลุ่มเล็กลง  ถามว่าคุ้มมั้ย คุ้มเมื่อเทียบกับสุขภาพที่ดีของสุนัขที่เราดูแลอยู่  ส่วนคุ้มเงินรึเปล่า ก็ไม่ซีเรียสเพราะว่ายังมีจ่ายเงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมแซม สารพัดจ่าย และเหลือกำไรบ้างนิดหน่อย  ชีวิตนี้ไม่ต้องรวยก็ได้ค่ะ
  • ทำอย่างไรให้พนักงานในร้านรักสุนัข  เราใช้วิธี Leading by example คือเราอยากให้เค้าเป็นแบบไหน ให้เราเป็นแบบนั้น  ถ้าเรารักหมา พนักงานก็จะรักด้วย ง่ายๆ
  • มีวิธีเลือกพนักงานในร้านอย่างไร?  เราไม่ได้เป็นคนเลือก แต่งานเป็นตัวเลือกต่างหาก มีคนสมัครมาหลายคน ส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่นาน เพราะภาพที่คิดไว้ กับความเป็นจริงมันคนละเรื่อง  เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเลือกยืนอยู่ในจุดที่ตัวเองมีความสุขที่สุดในสภาพแวดล้อมนั้น  ดังนั้นหลายคนจึงผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ให้เป็นประสบการณ์ของเค้าเอง
  • เรื่องที่เราภูมิใจในพนักงานของบาววาวที่สุดคือ ทุกวันสิ้นเดือนพอเงินเดือนออก  พนักงานของเราจะซื้อขนมหมาในร้าน แล้วเอาไปแจกน้องหมาที่อยู่ในโรงแรมทุกตัว  เรื่องนี้พนักงานเค้าคิดของเค้าเอง เราไม่ต้องทำให้ดูค่ะ
  • สุนัขฝึกตัวที่ภูมิใจที่สุด คือ “โจโจ้” หมาไทยข้างถนนที่ฝรั่งใจดีได้เก็บมันมาเลี้ยงและส่งฝึกที่บาววาว แต่ไม่นานเจ้าของคือคุณไฮดี้ ต้องย้ายกลับสวิตเซอร์แลนด์  โดยคุณไฮอี้ได้บินกลับไปก่อน โจโจ้ต้องอยู่กับเราเพื่อรอทำเอกสารต่าง ๆ ใช้ในการส่งไปซูริค  ในที่สุดโจโจ้ก็ถึงซูริคอย่างปลอดภัย และปัจจุบันนี้โจโจ้ได้ย้ายอีกครั้งไปอยู่ที่อเมริกา  โจโจ้ได้เหยียบแผ่นดินถึง 3 ทวีปเชียวนา
  • สุนัขฝากเลี้ยงตัวที่รักที่สุดคือ “สิงโต” หมาไทยบางแก้วอายุ 9 ปี มา check-in ที่บาววาวเมื่อ 3 กรกฎาคม 2550  เป็นการฝากเลี้ยงตลอดชีวิต  ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถเล่าได้ สิงโตเป็นหมาที่แข็งแรงมาก แต่สังขารย่อมมีวันเสื่อมถอยเสมอ ขึ้นกับว่าอะไรจะเสื่อมก่อนกัน  สิงโตมีภาวะความดันโลหิตสูง เราก็ดูแลจนความดันฯ เป็นปกติ แต่สิ่งที่ตามมาคือภาวะ Alzheimer และจากเราไปอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่ได้ตั้งตัว  เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2555  สวรรค์คงกำหนดให้เราได้รัก ได้เลี้ยง ได้รู้จัก สิงโต ที่ 5 ปีเต็ม ในวันที่ และเดือนเดียวกัน แต่คนละปี
  • สุนัขฝากเลี้ยงที่อายุมากที่สุดคือ เจี๊ยบ เป็นหมาไทยบางแก้วผสมเพศเมีย อายุ 20 ปี และ โจอี้ เพศผู้ ซึ่งเป็นลูกของเจี๊ยบ อายุ 17 ปี  เราเลี้ยงทั้งคู่ก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ไม่นาน และต้องหอบหิ้วกันไปด้วยเมื่อตอนที่อพยพ  เราดูแล 2 ตัวนี้แบบสุดๆ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดอึ เช็ดฉี่ ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เค้าสบายตัว และมีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต ตามที่เจ้าของแจ้งความประสงค์มาว่า “2 ตัวนี้เค้าดูแลพี่มามากแล้ว  พี่ก็จะดูแลเค้าอย่างดีสุดเท่าที่จะทำได้” แล้วพี่เค้าก็มอบหน้าที่นี้ให้เรา  ในที่สุด โจอี้ก็จากเราไปก่อนในวันที่ 1 มกราคม และเจี๊ยบก็ตามมาติด ๆ ในวันที่ 2 มกราคม 2555  ปีใหม่ที่ผ่านมาจึงเป็นปีที่เราเศร้าสุดๆ
  • การจัดกิจกรรมรับบริจาคเลือดน้องหมา  เป็นกิจกรรมที่เราทำทุกปี  ร่วมกับโรงพยาบาลสัตว์เกษตรฯ   มีลูกค้าให้ความสนใจนำน้องหมาที่แข็งแรงมาร่วมตรวจเลือดและบริจาคเลือดกันอย่างคึกคักทุกครั้งที่เราจัด เป็นการสร้างกุศลให้น้องหมาเอง และได้ช่วยเหลือเพื่อนสี่ขาด้วยกันด้วย
  • บาววาว เป็นที่รับฝากเลี้ยงสุนัข  มีคนเอาน้องหมามาทิ้งบ้างมั๊ย?  มีค่ะ มีทุกรูปแบบ  สังคมไทยต้องได้รับการปลูกฝั่งเรื่องความรับผิดชอบกันให้มาก ๆ เช่น ถ้าคิดจะเลี้ยงหมาสักตัว ก็ต้องดูพื้นฐานนิสัยให้เข้ากันได้กับรูปแบบชีวิตของเรา แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายต่อเดือนต่อตัว จนตลอดชีวิตของหมาอีก   เรื่องเหล่านี้ต้องคิดให้เยอะ และต้องสอนลูกสอนหลานด้วย   บางทีคนเป็นพ่อ-แม่เองก็ยังคิดไม่ออกเลย เฮ้อ  ส่วนใหญ่เราก็ไปตามแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น ซื้ออาหารหมาไปบริจาค  หรือบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือหมาเจ็บป่วย แทน  ทำเท่าไรก็ไม่เคยพอ เหมือนถมทรายลงทะเล เหนื่อยมากกว่าสุข
  • เรื่องที่แย่ที่สุดที่บาววาวเคยเจอ  มหาอุทกภัย 2554 ไงค่ะ  ระดับน้ำสูงสุดที่ร้านคือ 1.5 เมตร  เราต้องหอบน้องหมา 20 ตัว ไปอยู่ที่นครนายก บ้านพี่สาว  วันที่อพยพวันสุดท้ายคือ 21 ตุลาคม เวลา 10 โมงเช้า ระดับน้ำขึ้นถึงหัวเข่าแล้ว เราต้องสละร้านแล้วเพราะน้ำขึ้นเร็วมาก เหมือนเปิดก๊อกน้ำใส่อ่าง ตอนขับรถออกจากร้าน  เรามองร้านผ่านกระจกมองหลัง มันเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่ทิ้ง “บาววาว”   ประเมินความเสียหายทั้งหมด 8.6 แสนบาท   พ่อ-แม่บอกว่า “ไม่เป็นไร ลูกมีสติปัญญา แม่เชื่อว่าลูกทำใหม่ได้”
  • ปี 2555 เป็นอีกปีที่หนัก เพราะผลจากโดนน้ำท่วม เราต้องใช้เวลาฟื้นฟูร้าน ฟื้นจากยอดค่าใช้จ่ายติดลบของปีที่ผ่านมา และเราก็ทำได้ ไม่ใช่เราคนเดียวค่ะ ยังมี “ออย” กับ “ปุ้ย” สุดยอดพนักงานที่เป็นกำลังสำคัญให้เราผ่านวิกฤติมาได้อย่างสวยงาม
  • ในปี 2556 อาจจะมีอะไรแปลกใหม่  ตอนนี้อยู่ในช่วงดำเนินการค่ะ
  • ท้ายที่สุดขอขอบคุณลูกค้าทุกคนที่ทำให้เรามีวันนี้